
ผู้ผลิตเหล็กในมาเลเซียมีท่าทีเชื่อมั่นต่อแผนพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐบาล โดยมองว่าแผนดังกล่าวอาจเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้น เช่น การปิดโรงงาน ภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน และการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ผู้เข้าร่วมตลาดกล่าวกับ S&P Global Commodity Insights
Lion Industries Corp. หวังว่าแผนงานอุตสาหกรรมเหล็กปี 2035 ของมาเลเซีย จะให้การสนับสนุนแก่ผู้ผลิตเหล็กที่กำลังประสบปัญหา
บริษัทในเครือ Amsteel Mills ได้ปิดโรงงาน Banting ในเมือง Selangor state เนื่องจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูง แม้ว่าก่อนหน้านี้บริษัทจะระบุว่ากำลังพิจารณาทางเลือกในการกลับมาเดินสายการผลิตอีกครั้ง
Lion Industries กล่าวว่า กำลังการผลิตที่มากเกินไป และการแข่งขันที่รุนแรงจากการนำเข้าสินค้าราคาถูก ยังส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็กของมาเลเซียอีกด้วย
Quah Le Ching ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารองค์กรของบริษัท Lion Industries เปิดเผยกับสำนักข่าว Platts เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมว่า “อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศมีความหวังว่า แผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็ก ปี 2035 จะสามารถแก้ไขและจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด รวมถึงจะเป็นกลไกสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ภายใต้แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” บริษัท Lion Industries ผลิตเหล็กเส้นและเหล็กลวดสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง การผลิตชิ้นส่วนโลหะ และการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ขณะที่บริษัท Mycron Steel Bhd. ก็มีท่าที “เชิงบวก” ต่อแผนพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวเช่นกัน Choo Kah Yean ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของบริษัท เปิดเผยกับสำนักข่าว Platts เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม บริษัท Mycron Steel CRC Sdn. Bhd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Mycron มีกำลังการผลิตเหล็กรีดเย็น ชนิดม้วน (cold-rolled coils) 260,000 ตันต่อปี ในขณะที่บริษัท Melewar Steel Tube Sdn. Bhd. มีกำลังการผลิตท่อเหล็ก (steel pipes) 148,800 ตันต่อปี ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัท
สหพันธ์อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าแห่งมาเลเซีย (Malaysian Iron and Steel Industry Federation) ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนภาคอุตสาหกรรม ได้ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า “จะให้ข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของแผนดังกล่าวให้เกิดประสิทธิผล”